ดวงดาว
(The
Planet) คือสถานที่อันเป็นโลกที่เกิดเรื่องราวของ
FFVII ขึ้น
ภายใต้เปลือกดวงดาวที่ประกอบด้วยมหาสมุทรและทวีปน้อยใหญ่นั้นมีไลฟ์สตรีม
ซึ่งเป็นสายธารแห่งชีวิตไหลเวียนอยู่ ไลฟ์สตรีมเหล่านี้จะให้กำเนิดชีวิตและส่งขึ้นสู่ด้านบนของดวงดาว
เมื่อชีวิตนั้นตายลงร่างเนื้อจะสูญสลายไป
ส่วนพลังชีวิตจะกลับลงมาเป็นส่วนหนึ่งของไลฟ์สตรีมหล่อเลี้ยงดวงดาวอีกครั้ง
วิญญาณที่ยังมีห่วงจะไม่ลงไปหลอมรวมกับไลฟ์สตรีม
และอาจร่อนเร่ไปด้านบนหรือภายใต้ดวงดาว
จนกระทั่งวิญญาณเหล่านั้นหมดห่วงลงและหลับอย่างสงบในดวงดาวจึงจะเรียกปรากฏการณ์หลังความตายนี้ว่า
การกลับคืนสู่ดวงดาว
แม่จ๋า แม่อย่าร้องไห้นะ
คนรักของแม่ตายแล้ว วิญญาณของเขากลับมาหาแม่
แต่ตอนนี้เขาได้กลับคืนสู่ดวงดาวไปแล้ว
แอริธ
ชาวเซทราจะสามารถคงความมีตัวตนหลังเสียชีวิตได้นานกว่ามนุษย์ปกติ
ทำให้แอริธยังสามารถคงอยู่ได้หลังถูกเซฟิรอธสังหารโดยยังไม่ลงไปรวมกับไลฟ์สตรีม
แอริธได้ปฏิบัติกิจในโลกด้านล่างคู่ขนานไปกับพรรคพวกคนอื่นๆของเธอที่ยังคงต่อสู้อยู่บนโลกด้านบน
ความมีตัวตนของสิ่งมีชีวิตนี้ประกอบด้วยความรู้ ความทรงจำ จิตใจ
รูปกายเดิม
และอื่นๆซึ่งเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของสิ่งมีชีวิตยกเว้นร่างเนื้อ
เมื่อลงมาในไลฟ์สตรีมแล้วสิ่งมีชีวิตนั้นๆจะค่อยๆสูญเสียความมีตัวตนบางส่วนที่หลอมรวมกับไลฟ์สตรีมไป
ตอนที่เซฟิรอธพ่ายแพ้พวกของคลาวด์ในสงครามเจโนวานั้น
เขาได้เลือกทอดทิ้งความทรงจำวัยเด็ก เรื่องราวของเพื่อนๆเขา
และความทรงจำชิ้นเล็กชิ้นน้อยเรื่องอื่นๆ
หลงเหลือเพียงแกนแห่งความเกลียดชังที่มีต่อคลาวด์
ซึ่งเป็นสิ่งที่ยึดเหนี่ยวให้เซฟิรอธยังคงมีตัวตนอยู่ในดวงดาวนี้ต่อไป

ไลฟ์สตรีมที่หมุนเวียนหล่อเลี้ยงดวงดาว
ไลฟ์สตรีมที่หล่อเลี้ยงดวงดาวทำให้ดวงดาวยังคงอยู่ได้
เมื่อดวงดาวถูกโจมตีอย่างรุนแรง ดวงดาวจะรวบรวมไลฟ์สตรีมบริเวณที่ถูกปะทะเพื่อเยียวยารอยแผล
ดังเช่นตอนที่เจโนวาตกลงมาบนโลกพร้อมอุกาบาต เกิดเป็นเครเตอร์ขนาดใหญ่ขึ้นที่นอร์ธโพลนั้น
ดวงดาวได้รวบรวมพลังชีวิตมาเยียวยาบริเวณนั้นจนนอร์ธโพลกลายเป็นดินแดนแห้งแล้งและหนาวเหน็บ
เซฟิรอธต้องการเรียกเมเทโอลงมาปะทะดวงดาวเพื่อเข้าไปรับพลังชีวิตที่ดวงดาวรวบรวมมาเพื่อเยียวยาแผลจากเมเทโอนี้
และเขาจะกลายเป็นพระเจ้าของดวงดาว
เมื่อไลฟ์สตรีมขึ้นมาบนโลกด้านบนมักถูกกล่าวถึงในแง่พลังงานรูปแบบหนึ่ง
และมีคำเรียกว่า
มาโค
มีหลายแห่งที่ไลฟ์สตรีมพวยพุ่งขึ้นมาโดยธรรมชาติ
สถานที่บริเวณนั้นจะสามารถให้กำเนิดชีวิตได้
ดังเช่นโบสถ์สลัมที่มีตามาโคอยู่ ทำให้ดอกไม้สามารถขึ้นได้
และหากมาโคมีปริมาณมากอาจตกผลึกเป็นมาทีเรียตามธรรมชาติด้วย
เช่นน้ำพุมาโคบนภูเขานีเบิ้ลที่มีมาทีเรีย Elemental
ตกผลึกอยู่
หรือในถ้ำลับแลทั้งสี่แห่งทั่วโลกที่มีสุดยอดมาทีเรียทั้งสี่ อันได้แก่
HP <-> MP, Mime, Quadra Magic และ
Knights of the Round ตกผลึกอยู่ ถ้ำบริเวณวูไท (ที่มี
Mime ตกผลึกอยู่)
นั้นมีพลังงานมาโคอยู่อย่างมหาศาลทำให้ชินระเพ่งเล็งจะสร้างเตาปฏิกรณ์ที่นี่
แต่โกโด้เจ้าเมืองวูไทปฏิเสธจนเกิดเป็นสงครามระหว่างชินระกับวูไทขึ้น
สายธารแห่งชีวิตทั้งหมดได้มีเจตจำนงร่วมกัน
หรือที่หลายคนเรียกมันว่า
เจตจำนงของดวงดาว
ทำให้ตัวดวงดาวเองราวกับมีความรู้สึกนึกคิดเหมือนสิ่งมีชีวิต ดวงดาวเคยสร้างเวพ่อนขึ้นเป็นอาวุธเพื่อใช้รับมือกับเจโนวาเมื่อสองพันปีก่อน,
ดวงดาวได้ปลุกให้เวพ่อนตื่นขึ้นมารับมือหายนะต่างๆ,
ดวงดาวตอบรับคำอธิษฐานของแอริธ ส่งโฮลี่ขึ้นมาปะทะเมเทโอ,
และในสงครามเจโนวา ดวงดาวได้ตัดสินใจส่งไลฟ์สตรีมขึ้นมาช่วยโฮลี่รับมือเมเทโอ
ทั้งหมดนี้คือเจตจำนงของดวงดาว
ผู้ที่สามารถติดต่อสื่อสารกับดวงดาวได้โดยตรงนั้นมีเพียงชาวเซทรา
แต่ตอนที่ดวงดาวใกล้พินาศจากการสูบมาโคไปใช้งานโดยชินระและหวาดกลัวต่อเมเทโอที่กำลังจะตกลงมานั้น
แม้แต่พวกคลาวด์ก็สามารถได้ยินเสียงร้องอันเจ็บปวดของดวงดาวได้
ดวงดาวเองก็เป็นเหมือนเด็ก
เด็กตัวน้อยที่กำลังป่วยและสั่นเทาด้วยความหวาดกลัวอยู่ในอวกาศอันกว้างใหญ่
ต้องมีใครสักคนปกป้องมัน และใครคนนั้นก็คือพวกเรา
ซิด
ดวงดาวห่วงใยพวกเรานะ ถึงยังไงไลฟ์สตรีมที่ไหลวนหล่อเลี้ยงดาวดวงนี้เองก็คือพลังงานชีวิตของคนที่เคยอาศัยอยู่บนโลกนี้เช่นเดียวกับเรา
เชร่า
ใน
Crisis
Core
ได้ปรากฏร่างอวตารของเจตจำนงของดวงดาวคือมิเนอร์ว่า
ผู้ซึ่งหลายๆคนเชื่อกันว่าเป็นเทพธิดาที่ถูกกล่าวถึงในวรรณกรรมเลิฟเลส
เจเนซิสได้ออกตามหาของขวัญแห่งเทพธิดาเพื่อเยียวยาอาการเสื่อมสลายของเขาจนกระทั่งได้พบกับมิเนอร์ว่า
ตอนนั้นเจเนซิสเลิกหวาดกลัวต่อความตายและตั้งใจทำหน้าที่ในฐานะโซลเยอร์ของตนเองให้ลุล่วง
สีหน้าของมิเนอร์ว่าก็ราวกับจะบอกให้เจเนซิสไปทำหน้าที่นั้นเสีย
และคำตอบของดวงดาวนี้ก็ทำให้เจเนซิสตัดสินใจยอมรับบทบาทของผู้ถูกจองจำ
และต่อสู้เพื่อดวงดาวแทนเพื่อนรักของเขาอีกสองคนที่จากไปแล้ว

มิเนอร์ว่า ตัวแทนเจตจำนงของดวงดาว จาก
Crisis Core
นอกจากไลฟ์สตรีมที่ไหลวนอยู่ในดวงดาวปกติ
หรือที่เรียกว่าไลฟ์สตรีมขาวแล้ว ดวงดาวยังมีไลฟ์สตรีมปนเปื้อนที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ
นักวิทยาศาสตร์ของชินระได้ค้นพบและนำไลฟ์สตรีมปนเปื้อนนี้ไปใช้ในการทดลอง
ทั้งในร่างวินเซนต์และการทดลองของดีพกราวด์
แต่ก็มีน้อยการทดลองที่ประสบผลสำเร็จ
สำหรับกลไกสุดท้ายยามดวงดาวเกิดหายนะขึ้นอย่างไม่อาจแก้ไขได้นั้น
ดวงดาวจะให้เคออสซึ่งเกิดจากไลฟ์สตรีมปนเปื้อนเป็นผู้ทำลายชีวิตทั้งหมดกลับเป็นไลฟ์สตรีม
แล้วโอเมก้าผู้กำเนิดจากไลฟ์สตรีมขาวจะหอบไลฟ์สตรีมออกจากซากดาวดวงนี้ไปยังโลกอื่นต่อไป
(ตามที่อธิบายไว้ในหัวข้อ
Chaos
ของวินเซนต์)
ตอนที่เซฟิรอธพ่ายแพ้พวกคลาวด์และตกลงไปในไลฟ์สตรีมหลังสงครามเจโนวานั้น
จิตของเขาที่เต็มไปด้วยความโกรธเกลียดชิงชังได้ทำให้เกิดไลฟ์สตรีมดำขึ้น
เมื่อไลฟ์สตรีมดำนี้ขึ้นไปบนดวงดาวและคนรับเข้าไปในร่างกายจะเกิดโรคจีโอสติ๊กม่าขึ้น
ดวงวิญญาณของคนที่หมดความหวังกับชีวิตและตายด้วยโรคนี้จะไม่กลับไปรวมกับไลฟ์สตรีม
แต่กลายเป็นส่วนหนึ่งของไลฟ์สตรีมดำ และเซฟิรอธก็ดำเนินแผนการยึดครองดวงดาวครั้งใหม่ของเขาโดยใช้ไลฟ์สตรีมดำนี้เข้าแทนที่ไลฟ์สตรีมของดวงดาวทั้งหมด
แม้ดวงดาวจะชำระล้างไลฟ์สตรีมดำออกไปได้ส่วนหนึ่งแต่ก็ยังมีคนเป็นโรคจีโอสติ๊กม่าหลงเหลืออยู่
ใน
FFVII
ทีแรกนั้นไม่มีการตั้งชื่อให้ดวงดาว จนกระทั่งแผ่นโปรโมท
Advent Children ได้เรียกดวงดาวแห่งนี้ว่า
ไกอา
The Weapons
เวพ่อน คือเหล่ามอนสเตอร์ที่ดวงดาวได้สร้างขึ้นเมื่อ
2000 ปีก่อนเพื่อต่อสู้กับเจโนวา
หายนะที่มาพร้อมอุกาบาตและได้ทำลายชาวเผ่าโบราณล้มตายไปมากมาย
แต่เซทราก็สามรถช่วยกันผนึกเจโนวาได้สำเร็จ เหล่าเวพ่อนจึงกลับไปหลับใหลอยู่ภายในดวงดาว
รอวันที่จะตื่นขึ้นมารับมือหายนะครั้งต่อไป
เหล่าเวพ่อนถูกผนึกอยู่ภายในดวงดาว ตอนที่มาถึงเครเตอร์ตอนเหนือ
จะเห็นแซฟไฟร์เวพ่อนถูกผนึกอยู่ในกำแพงมาทีเรีย และใน
Crisis
Core
เมื่อลงมาในชั้นใต้ดินของบาโนร่าจะมีฉากหนึ่งที่มองเห็นเอเมอรัลด์เวพ่อนที่ถูกฝังอยู่ใต้ดินนี้ด้วย
พวกมันนอนแช่มาโคอยู่ใต้ดวงดาวมาสองพันปีจนกระทั่งดวงดาวปลุกพวกมันมารับมือหายนะครั้งใหม่
ในครั้งที่ซิลโคเนียดตื่นขึ้นมาในเกม
Before
Crisisนั้น เจดเวพ่อนได้ถูกปลุกขึ้นมารับมือหายนะที่สุดยอดสัตว์อสูรตัวนี้จะสร้างขึ้น
แต่เติร์กก็สามารถกำจัดซิลโคเนียดได้เสียก่อน
ดวงดาวได้ตัดสินว่าความสามารถของเติร์กอาจเป็นอันตรายต่อดวงดาวจึงได้สั่งให้เจดเวพ่อนตามล่าเติร์กแทน
มอนสเตอร์รูปทรงเครื่องบินรบความยาว 200
เมตรนี้ปรากฏตัวตามสถานที่ต่างๆใน FFVII
ได้แก่มิดการ์, คอสโมแคนย่อน, ไอซิเคิล,
จูน่อน, คอสตาเดลโซล และวูไท แต่เหล่าเติร์กเกษียณก็ได้ไล่ล่าจัดการเจดเวพ่อนได้สำเร็จ

เจดเวพ่อน
หลังเจดเวพ่อนสิ้นฤทธิ์ลง ไม่กี่เดือนถัดมาใน
FFVII เซฟิรอธได้ใช้แบล็คมาทีเรียเรียกเมเทโอ
ดวงดาวรับรู้ถึงหายนะที่กำลังจะเกิดขึ้น จึงระเบิดไลฟ์สตรีมจากเครเตอร์พร้อมปลดปล่อยเวพ่อนออกมาอาละวาดถึง
5 ตัว เคราะห์ร้ายที่เซฟิรอธได้สร้างบาร์เรียร์ครอบเครเตอร์ตอนเหนือไว้
ทำให้พวกมันหาเซฟิรอธไม่เจอ (เวรกรรม)
|

แซฟไฟร์เวพ่อน
|
เวพ่อนได้ออกอาละวาดยังสถานที่ต่างๆโดยเฉพาะการมุ่งเล่นงานบริษัทชินระที่สูบพลังงานมาโคไปจากดวงดาว
แซฟไฟร์เวพ่อนได้บุกจากทะเลพุ่งเข้าโจมตีจูน่อนในช่วงที่ชินระกำลังจะทำการประหารอวาลันช์ต่อหน้าสาธารณชน
ช่วยให้ทีฟาหนีออกมาได้
แม้กองทหารจะระดมปืนยิงใส่ไม่ยั้งแต่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะสะกิดผิวมันได้
จนกระทั่งปืนใหญ่ซิสเตอร์เรย์สุดยอดอาวุธของชินระชาร์จพลังงานเต็มและยิงระเบิดหัวแซฟไฟร์จอดจมทะเลไปในนัดเดียว
|
|

ไดมอนด์เวพ่อน
|
ไดมอนด์เวพ่อนเป็นรายต่อมาที่จะเล่นงานชินระ
มันขึ้นจากทะเลตรงเข้าหาสำนักงานใหญ่ของชินระ
ซึ่งถ้าปล่อยให้มันเล่นงานชินระตามใจชอบมิดการ์คงพินาศไปเสียก่อน
พวกคลาวด์จึงต้องรีบเข้าไปสู้กับมัน
จนกระทั่งชินระเตรียมชาร์จพลังงานซิสเตอร์เรย์ที่ย้ายมาจากจูน่อนพร้อมยิง
ไดมอนด์เวพ่อนยิง
Diamond Flash
สวนกับลำแสงจากซิสเตอร์เรย์ซึ่งพุ่งมาทะลวงร่างไดมอนด์เวพ่อนทะลุไปทำลายบาร์เรียร์ของเซฟิรอธแตกกระจาย
แต่ลำแสงของเวพ่อนที่สวนไปก็ถล่มตึกชินระโดนรูฟัส
ประธานชินระเข้าพอดี
|
|

อัลติม่าเวพ่อน
|
อัลติม่าเวพ่อน
เป็นมอนสเตอร์ที่บินไปทั่วดวงดาวแบบเดียวกับเจดเวพ่อน
มันเคยบุกมาที่มิดีลที่คลาวด์รักษาตัวอยู่แต่พวกซิดก็ไล่มันกลับไปได้สำเร็จ
จากนั้นอวาลันช์ได้นำไฮวินด์ออกตามล่ามันอีก 5 ครั้ง
จนกระทั่งตีมันร่วงลงที่หุบเขาใกล้คอสโมแคนย่อน
|
|

เอเมอรัลด์เวพ่อน |
อีกสองตัวที่ถูกปลดปล่อยมาคือ รูบี้เวพ่อนที่มุดพื้นอยู่ในทะเลทรายโคเรล
และเอเมอรัลด์เวพ่อนที่พบใต้ทะเลใกล้เตาปฏิกรณ์จูน่อน
สองตัวนี้เป็นบอสลับที่ไม่จำเป็นต้องสู้ก็ไม่มีผลกับเนื้อเรื่องเช่นเดียวกับอัลติม่าเวพ่อน
เพียงแต่การโค่นเจ้าสองเวพ่อนที่มีพลังชีวิต
8
แสน และ 1
ล้านตามลำดับ
เป็นเรื่องที่ค่อนข้างท้าทายสำหรับแฟนเกมสมัยนั้นเลยหละ |

รูบี้เวพ่อน |
สำหรับโอเมก้าจาก
Dirge of
Cerberus ได้กล่าวไว้ว่าเป็นเวพ่อนเช่นเดียวกับที่พวกวินเซนต์เคยเผชิญเมื่อการต่อสู้ครั้งก่อน
แต่จากนิยามของเวพ่อนว่าคือ "สิ่งที่ถูกดวงดาวสร้างขึ้นมาเพื่อปกป้องดวงดาวจากมหันตภัยเจโนวา"
แล้วโอเมก้าน่าจะเป็นกลไกของดวงดาวนอกเหนือจากเวพ่อน
เช่นเดียวกับเคออส แถมใน Key Words ของ
CC Complete Guide ไม่ได้รวมโอเมก้าเข้าในลิสต์เวพ่อนอีกต่างหาก
Omega
& Chaos
จากการศึกษาของกรีมัวร์และลูเครเซียพบว่าดวงดาวมีสุดยอดสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าโอเมก้า
ซึ่งจะหอบนำเอาไลฟ์สตรีมทั้งหมดออกจากดาวดวงนี้ไปหลังเกิดหายนะครั้งใหญ่ขึ้นกับดวงดาว
และเคออสจะเป็นผู้ทำลายทุกชีวิตให้กลับสู่ไลฟ์สตรีมแล้วนำพาโอเมก้าไปตามคำจารึกของเผ่าโบราณที่กรีมัวร์ค้นพบในถ้ำผลึก
ดวงวิญญาณที่หล่อหลอมจากยุคสิ้นกาลจักถูกชำระล้าง
สายธารอันวิสุทธิ์จักมุ่งสู่ชะตากรรมสุดท้าย
เคออสผู้ทรงอำนาจจักนำพานายเหนือโอเมก้าไปสู่สรวงสวรรค์
โอเมก้านั้นเกิดจากไลฟ์สตรีมบริสุทธิ์ ในขณะที่เคออสเกิดจากไลฟ์สตรีมปนเปื้อน
ซึ่งเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติทั้งสองประเภท ไม่เหมือนไลฟ์สตรีมดำที่เกิดจากจิตของเซฟิรอธปนเปื้อนลงไป
หากร่างของสิ่งมีชีวิตบรรจุไลฟ์สตรีมปนเปื้อนมากเกินไปอาจก่อให้กำเนิดเคออสขึ้นมาได้
เนโรถูกฉีดไลฟ์สตรีมปนเปื้อนตั้งแต่อยู่ในครรภ์และเป็นตัวทดลองเดียวที่ประสบผลสำเร็จทำให้เขาสามารถใช้พลังของห้วงมิติมืดได้
ในกรณีวินเซนต์นั้น ลูเครเซียใส่ไลฟ์สตรีมปนเปื้อนเพื่อรักษาชีวิตเขาจากการทดลองของโฮโจแต่ร่างอันแข็งแกร่งที่เกิดจากการทดลองของโฮโจกลับทำให้เคออสสามารถกำเนิดขึ้นในร่างของเขาได้
ซึ่งนั่นไม่ใช่สิ่งที่ลูเครเซียคาดหวัง เธอจึงต้องบรรจุโปรโตมาทีเรียลงในร่างวินเซนต์เพื่อควบคุมพลังของเคออสไว้
ใน
FFVII
วินเซนต์ได้เดินทางไปพบลูเครเซียที่ถ้ำผลึก สถานที่ๆมีไลฟ์สตรีมปนเปื้อนไหลเวียนอยู่มากมาย
ทำให้พลังของเคออสที่อยู่ในร่างของเขาตื่นขึ้นพร้อมกับอาวุธ
Death Penalty ที่หลอมขึ้นจากไลฟ์สตรีมปนเปื้อน
พลังของเคออสจะระเบิดขึ้นมาในตอนที่เขาอยู่ในอันตราย
เช่นตอนต่อสู้กับรอสโซ่ที่เมืองเอดจ์ หลังถูกขโมยโปรโตมาทีเรียไปทำให้วินเซนต์ไม่สามารถควบคุมพลังของเคออสได้
เขาเกือบเสียสติไปหลายครั้ง แต่จิตวิญญาณของลูเครเซียก็ช่วยให้วินเซนต์คุมสติได้
และพลังเคออสที่ตื่นขึ้นยังเพิ่มพลังให้กับเขามากมายมหาศาล
สุดท้ายเขากลายร่างเป็นเคออสสนองต่อการตื่นขึ้นของโอเมก้า
แต่ก่อนที่ดวงดาวจะถึงกาลวิบัติ เชลก์ร่วมกับความทรงจำของลูเครเซียก็สามารถส่งโปรโตมาทีเรียกลับเข้าร่างของวินเซนต์ได้สำเร็จ
ทำให้เขาคืนสติแถมยังสามารถใช้พลังความสามารถของเคออสได้เต็มที่
หลังจบการต่อสู้ทั้งโอเมก้าและเคออสก็กลับคืนสู่ดวงดาวไป

การเผชิญหน้ากันของเคออสและโอเมก้าจาก
Dirge of Cerberus
The Promised Land
ดินแดนแห่งพันธสัญญา
ดินแดนที่ตำนานได้กล่าวขานว่าเป็นสถานที่ซึ่งเหล่าเซทราได้ออกตามหา
เพื่อความสุขสูงสุดที่รอคอยอยู่ ณ ดินแดนแห่งนั้น
แต่ความสุขที่แตกต่างกันตามปัจเจกบุคคลนั้นก็ทำให้ดินแดนแห่งพันธสัญญาของแต่ละคนนั้นแตกต่างกันไป
ชินระเชื่อว่าดินแดนแห่งพันธสัญญาคือสถานที่ที่มีพลังมาโคอยู่อย่างมหาศาล
ซึ่งหากพวกเขาค้นพบ จะนำพลังมาโคที่ไร้ขีดจำกัดมาผลิตพลังงานได้มากและเกิดผลประโยชน์มหาศาลต่อบริษัท
ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงต้องการตัวของเผ่าโบราณเพื่อช่วยพวกเขาตามหาดินแดนแห่งพันธสัญญา
เซฟิรอธเชื่อว่าดินแดนแห่งพันธสัญญาคือสถานที่ที่เขาจะใช้แบล็คมาทีเรียเรียกเมเทโอ
เพื่อเข้าสู่ความเป็นพระเจ้าของดาวดวงนี้ได้ ด้วยเหตุนี้ดินแดนแห่งพันธสัญญาของเซฟิรอธจึงเป็นเครเตอร์ตอนเหนือ
ซึ่งเมื่อชินระเดินทางตามเซฟิรอธมาจนถึงที่นี่ พวกเขาก็ได้พบกับมาทีเรียขนาดมหึมาและมาโคปริมาณมหาศาลของเครเตอร์ตอนเหนือนี้
ดินแดนแห่งพันธสัญญาของชินระจึงหมายถึงที่แห่งนี้เช่นกัน และรูฟัสก็ภาคภูมิใจที่ตัวเขาค้นพบดินแดนที่พ่อตนเองตามหามาตลอด
นักศึกษาเรื่องราวของดวงดาวในคอสโมแคนย่อนเชื่อว่าหน้าที่ของเซทราคือการตามหาดินแดนที่จะมอบความสุขสูงสุดให้แก่พวกเขา
และเชื่อว่าสำหรับเซทราแล้วมันคือการหลับอย่างสงบและกลับคืนสู่ดวงดาวไป
นั่นคือดินแดนแห่งพันธสัญญาก็คือไลฟ์สตรีม
สถานที่ๆทุกคนจะต้องกลับไปนั่นเอง
<กลับไปหน้าหลัก>