|
 |
Cid Highwind
シド・ハイウィンド
เพศ : ชาย
วันเกิด : 22 กุมภาพันธ์ [µ]-εγλ
1975
อายุ : 32 ปีในภาคหลัก
กรุ๊ปเลือด :
B
สถานที่เกิด :
Rocket Town
ส่วนสูง : 178
เซนติเมตร
อาวุธ : หอก
|
ซิด ไฮวินด์
เป็นพนักงานของชินระที่เข้าร่วมโครงการพัฒนาทางอากาศยานของฝ่ายวิจัยด้านอวกาศที่นำโดยพาลเมอร์
ด้วยความสามารถทางการขับขี่ยวดยานระดับอัจฉริยะทำให้เขาได้รับเลือกให้เป็นกัปตันของจรวดชินระหมายเลข
26 จรวดที่ชินระตั้งใจจะส่งออกไปสู่อวกาศเป็นครั้งแรก และชื่อสกุล
"ไฮวินด์"
ของเขายังได้รับเกียรตินำไปตั้งเป็นชื่อของเรือเหาะขนาดยักษ์รุ่นล่าสุดของชินระที่เขาเป็นคนออกแบบเองอีกด้วย
แม้จะถูกขนานนามว่าเป็นนักบินในตำนานที่มีลูกน้องนับหน้าถือตามากมายตั้งแต่ยังหนุ่ม
แต่เป้าหมายสูงสุดของชีวิตเพียงหนึ่งเดียวของซิดคือการได้เป็นมนุษย์คนแรกที่ได้ออกไปยังอวกาศ
เขาเฝ้ารอวันปล่อยจรวดมานาน จนทุกอย่างเตรียมการพร้อม
ชินระเลือกเอาช่วงเวลาหลังทำลายรังใหญ่ของอวาลันช์กลุ่มต่อต้านชินระที่วูไทได้เป็นฤกษ์ปล่อยจรวดที่เมืองจรวดเพื่อกู้ศรัทธาของประชาชนกลับมา
แต่งานไม่ได้ดำเนินไปอย่างราบรื่น พวกอวาลันช์ที่หลงเหลืออยู่พยายามทำลายงานด้วยการขโมยไทนี่บรองโคที่ซิดนำมาขับในงานแสดงโชว์การบิน
แต่เติร์กก็จัดการชิงไทนี่บรองโคกลับมาให้ซิดได้สำเร็จ
อันที่จริงนอกจากฝีมือการบินแล้วความสามารถในการต่อสู้ของซิดเองก็ใช่ย่อย
แต่ชินระไม่อยากเสี่ยงให้ซิดมาเจ็บตัวเอาตอนนี้เพราะงานใหญ่กำลังรอเขาอยู่
หลังล้มเหลวจากการขโมยไทนี่บรองโค อวาลันช์ได้เปลี่ยนเป้าหมายไปขโมยถังอ็อกซิเจนในจรวดชินระหมายเลข
26 แทน ทีมของซิดต้องรีบแก้ไขสถานการณ์ติดตั้งถังอ็อกซิเจนทดแทน
ถ้าพลาดการปล่อยจรวดครั้งนี้เขาจะต้องรอไปอีกอย่างน้อยหกเดือน
แม้จะมีเสียงขอให้เลื่อนการปล่อยจรวดออกไปแต่ซิดไม่อยากรออีกต่อไปแล้ว
เขาอยากออกไปยังอวกาศโดยไม่สนใจว่าพวกอวาลันช์อาจทำให้ชีวิตเขาตกอยู่ในอันตราย
"ฉันไม่กลัวว่าจะต้องตายหรอก
สำหรับฉันถ้าไม่ได้ออกไปอวกาศมันก็เหมือนตายทั้งเป็นอยู่แล้ว"
แล้วก็ถึงเวลาปล่อยจรวด แต่เชร่าลูกทีมหญิงคนหนึ่งยังคงตรวจสอบถังอ็อกซิเจนที่ติดตั้งใหม่ไม่เสร็จ
ซิดสั่งให้เธอรีบออกมาจากห้องเครื่อง
เมื่อจรวดถูกจุดความร้อนในห้องจะเผาเชร่ากลายเป็นจุล แต่เชร่ายืนกรานจะขอทำหน้าที่ให้ถึงที่สุดโดยไม่ห่วงชีวิตตัวเอง
ทำให้ซิดต้องตัดสินใจดับเครื่องจรวด แล้วชินระหมายเลข 26
ก็ตกลงสู่พื้นดิน การปล่อยจรวดและความฝันอันยิ่งใหญ่ของซิดก็ได้พังทลายลงไปพร้อมๆกัน

หลังจากความล้มเหลวในการปล่อยจรวด
โครงการทางด้านอวกาศก็ถูกปล่อยปะละเลย ฝ่ายวิจัยอวกาศของพาลเมอร์เองก็ถูกลดงบลงจนแทบไม่มีบทบาทอะไรในองค์กร
ซิดได้แต่รอเวลาที่ชินระจะส่งเขาขึ้นไปบนท้องฟ้าอีกครั้ง
ตอนนี้เขาอยู่กินกับเชร่าในเมืองจรวด
แต่เมื่อถูกถามเรื่องความสัมพันธ์เขาก็มักจะหัวเสีย
และยังเคืองไม่หายที่เชร่าทำลายความฝันของเขาซะยับเยิน
"เมียเรอะ?
พูดบ้าๆ!
แค่คิดว่าจะแต่งงานกับอีนั่นก็สยองแล้วเว้ย!"
ซิดอยากซ่อมให้จรวดกลับมาใช้ได้อีกครั้ง
แต่ด้วยงบอันน้อยนิดจากชินระเขาจึงทำได้เพียงแค่ค้ำไม่ให้จรวดมันพังลงมา
การออกบินอีกครั้งของซิดดูจะยิ่งห่างไกลความจริงออกไปอีกเมื่อรูฟัสลูกชายของประธานชินระคนเก่าขึ้นรับตำแหน่งประธานบริษัท
รูฟัสไม่เคยสนใจงานวิจัยทางด้านอวกาศ
เขาไม่คิดว่าการออกไปนอกโลกจะช่วยให้อนาคตของบริษัทดีขึ้นตรงไหน
ซ้ำร้ายยังส่งคนมาขอไทนี่บรองโคที่ซิดจอดไว้หลังบ้านไปใช้ไล่ตามเซฟิรอธอีก
ในเวลาเดียวกัน พวกอวาลันช์ที่นำโดยคลาวด์ก็เข้ามาขอยืมไทนี่บรองโคเช่นเดียวกัน
แม้จะถูกซิดปฏิเสธแต่พวกเขาก็ได้พาไทนี่บรองโคออกบินด้วยอุบัติเหตุ ซิดเห็นก็รีบกระโดดตามขึ้นมา
แต่ไทนี่บรองโคก็ถูกทหารชินระสอยร่วงลงน้ำเสียก่อน ...คลาวด์เลยเอามาทำเป็นเรือซะเลย
จากเหตุการณ์นี้ทำให้ซิดถูกใจความบ้าของคลาวด์ไม่น้อย
"เออ
แกน่ะบ้า ก็มีแต่ไอ้พวกบ้านั่นแหละที่กล้าหาเรื่องชินระ"
ซิดตัดสินใจตัดขาดชินระ เข้าร่วมกับอวาลันช์โดยจงใจทิ้งนังโง่เชร่าไว้เบื้องหลัง
พวกเขาออกเดินทางตามล่าเซฟิรอธมาจนถึงทวีปทางตอนเหนือ
แต่ก็เกิดเหตุการณ์ไลฟ์สตรีมระเบิดขึ้น พวกชินระที่ตามมาด้วยกันพาตัวพวกอวาลันช์ขึ้นเรือเหาะไฮวินด์หนีออกมาได้อย่างหวุดหวิด
แต่คลาวด์ก็หายสาบสูญไปขณะที่ทีฟาและแบเร็ตสมาชิกอวาลันช์ถูกชินระคุมตัวเพื่อนำไปประหารต่อหน้าสาธารณะชน
ซิดได้พบกับอดีตลูกน้องของเขาบนไฮวินด์ ลูกเรือไฮวินด์ยังคงชื่นชมและอยากทำงานร่วมกับซิดอยู่
อีกทั้งไม่ค่อยพอใจไฮเด็กเกอร์หัวหน้าของพวกเขาที่ชอบลงไม้ลงมือกับลูกน้อง
เลยพากันหักหลังชินระช่วยซิดขโมยไฮวินด์ออกจากจูน่อน พร้อมกับช่วยทีฟาและแบเร็ตออกมาได้สำเร็จ
ทีฟาตามหาคลาวด์จนพบที่มิดีลและตัดสินใจขออยู่ดูแลคลาวด์จนกว่าเขาจะหายดี
ตอนนี้เซฟิรอธใช้มหาเวทดำเรียกเมเทโอมาแล้ว
อีกไม่นานดวงดาวจะถึงกาลพินาศ ในยามที่ขาดคลาวด์และทีฟาไปและทีมยังคงต้องการผู้นำเพื่อก้าวไปข้างหน้าต่อนั้นแบเร็ตได้เลือกซิดให้เป็นผู้นำของอวาลันช์ชั่วคราวเพราะเห็นถึงความสำคัญของไฮวินด์
และส่วนตัวซิดก็ปลื้มมากกับประโยคที่แบเร็ตบอกว่า
"เรือเหาะลำนี้แหละที่จะช่วยโลกได้"
ถึงจะบ่นว่าตัวเขาไม่เหมาะจะเป็นผู้นำอยู่บ่อยๆ แต่ซิดนั้นเกิดมาพร้อมกับคุณสมบัติผู้นำที่ยอดเยี่ยม
และสามารถชักจูงให้คนอื่นเชื่อถือและทำตามคำขอของเขาได้เสมอ
พวกอวาลันช์รู้ว่าชินระจะขนฮิวจ์มาทีเรียขึ้นจรวดไปยิงใส่เมเทโอซึ่งจะทำให้ภูมิปัญญาจำนวนมากของเผ่าโบราณที่บรรจุอยู่ในฮิวจ์มาทีเรียสลายไป
ซิดจึงนำเพื่อนๆเข้าชิงฮิวจ์มาทีเรียมาจากชินระได้สำเร็จหลายครั้งหลายครา
ในช่วงนั้นทีฟาได้ช่วยให้คลาวด์หายเป็นปกติและทั้งสองคนได้กลับมาร่วมทีมอีกครั้ง
ซิดคืนตำแหน่งผู้นำให้คลาวด์ก่อนไล่ตามชินระกลับมาที่เมืองจรวดอีกครั้ง
พวกอวาลันช์พบว่าลูกทีมที่เคยร่วมงานกับซิดสมัยโครงการปล่อยจรวดได้เข้ามาซ่อมแซมจรวดเพื่อปล่อยออกไปชนกับเมเทโอ
หนนี้ซิดเห็นด้วยเพราะเขาเชื่อมั่นว่าวิทยาศาสตร์จะสามารถช่วยเหลือมวลมนุษย์ได้เหมือนที่เป็นมาตลอด
แต่พาลเมอร์ดันกดปล่อยจรวดทั้งที่พวกเขายังติดอยู่ข้างใน
หนนี้จรวดถูกปล่อยออกมาโดยสวัสดิภาพ ฝันของซิดที่จะได้ออกมาท่องอวกาศเป็นความจริงในที่สุดแต่สถานการณ์ก็ไม่น่ายินดีนัก
จรวดพุ่งเข้าหาเมเทโอตามที่ตั้งโปรแกรมไว้และไม่สามารถเปลี่ยนเส้นทางได้
ซิดได้เตรียมยานฉุกเฉินสำหรับหนีออกจากจรวดอยู่แล้ว
แต่ขณะวิ่งไปที่ยานฉุกเฉิน ถังอ็อกซิเจนก็ระเบิดทำให้เหล็กผนังหลุดออกมาทับขาซิด
ซึ่งก็คือถังเบอร์ 8 ที่เชร่าเคยบอกว่ามันเสียตั้งแต่ตอนนั้น
ซิดรู้ตัวว่าเขาน่าจะเชื่อเชร่าสักนิด
ขณะที่เพื่อนๆพากันช่วยยกแผ่นเหล็กออก เชร่าที่ติดอยู่ในจรวดเช่นกันก็เข้ามาช่วยยกเหล็กออกได้สำเร็จ
แล้วพวกเขาก็หนีออกมาด้วยยานฉุกเฉิน

ซิดเคยคิดว่าดวงดาวนั้นยิ่งใหญ่เกินกว่าที่กำลังของมนุษย์จะเปลี่ยนแปลงอะไรได้
แต่เมื่อได้มองจากอวกาศเห็นดวงดาวล่องลอยอยู่กลางอวกาศอันมืดมิดแล้วเขาก็เปลี่ยนความคิด
"ดวงดาวเองก็เป็นเหมือนเด็ก
เด็กตัวน้อยที่กำลังป่วยและสั่นเทาด้วยความหวาดกลัวอยู่ในอวกาศอันกว้างใหญ่
ต้องมีใครสักคนปกป้องมัน และใครคนนั้นก็คือพวกเรา"
จรวดที่ชินระส่งขึ้นไปไม่สามารถทำลายเมเทโอได้
นั่นทำให้ความหวังสุดท้ายของผู้คนบนดวงดาวดับสลายไปด้วย แต่อวาลันช์ก็ยังไม่ท้อถอย
หลังยานฉุกเฉินลงจอดอย่างปลอดภัยแล้วซิดและเพื่อนๆช่วยกันหาวิธีปกป้องดวงดาวจนกระทั่งพบความจริงว่าเซฟิรอธได้ผนึกโฮลี่
สุดยอดมนต์ขาวที่จะช่วยปกป้องดวงดาวจากเมเทโออยู่ ซิดใช้ไฮวินด์พาเพื่อนๆไปยังถ้ำตอนเหนือเพื่อจัดการกับเซฟิรอธให้สิ้นเรื่องสิ้นราวและสามารถทำได้สำเร็จ
เมื่อคลายผนึกได้แล้วโฮลี่ได้พุ่งขึ้นมาทางปากถ้ำทำเอาพวกเขาเกือบหนีไม่ทัน
แต่พวกลูกน้องของซิดก็พาไฮวินด์ดิ่งลงมาถึงก้นถ้ำรับพวกเขากลับออกไปได้อย่างเฉียดฉิว
แล้วโฮลี่ร่วมกับพลังไลฟ์สตรีมที่ดวงดาวปลดปล่อยออกมาก็สามารถหยุดยั้งเมเทโอได้สำเร็จ
เมื่อถึงคราวต้องจากกัน ซิดได้บอกกับทุกคนว่าพวกเขาจะกลับมาพบกันใหม่อีกเมื่อไหร่ก็ได้
หลังจากอวาลันช์แยกย้ายกันไปเริ่มต้นชีวิตใหม่แล้วซิดก็กลับมาอยู่กับเชร่าที่เมืองจรวด
ผลกระทบจากการใช้มาโคทำให้เกิดหายนะขึ้นกับดวงดาวทำให้ตอนนี้ผู้คนพากันแหยงพลังงานมาโคกันหมดแล้ว
เขากับพวกลูกน้องจึงช่วยกันพัฒนาพลังงานชนิดใหม่เพื่อทดแทนมาโค
และต้องมีประสิทธิภาพมากกว่าถ่านหินที่เคยใช้กันในยุคก่อน
จนกระทั่งพวกเขาพบข้อมูลบ่อน้ำมัน
บริเวณแท่นขุดเจาะใกล้เมืองจรวดซึ่งชินระเคยศึกษาไว้เมื่อนานมากแล้ว
ทีมของซิดช่วยกันฟื้นฟูแท่นขุดขึ้นมาใหม่และเจาะน้ำมันดิบขึ้นมาได้สำเร็จ
ที่เหลือก็เพียงพัฒนาเครื่องยนต์สันดาปให้เหมาะกับการใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิง
แบเร็ตที่แวะมาหาได้แนะนำให้เขาสร้างเรือเหาะลำใหม่
เพราะมันจำเป็นต่อการช่วยชีวิตของผู้คนด้วย
ความยากลำบากของพวกเขาไม่ได้มีเพียงเรื่องงาน
ในคราวที่ดวงดาวปล่อยไลฟ์สตรีมออกมาต้านทานเมเทโอนั้นได้ทำให้เกิดโรคระบาดที่เรียกว่าจีโอสติ๊กม่าขึ้นด้วย
และเชร่าก็เป็นหนึ่งในผู้ป่วยโรคนี้
ไม่เคยมีใครค้นพบวิธีรักษาโรคมาก่อนแต่เธอก็ยังไม่ท้อถอยและตั้งใจช่วยเหลือพวกซิดทำงานต่อไป
ไม่เพียงเท่านั้น เชร่ากลับนึกขอบคุณดวงดาวที่มอบความอ่อนโยนให้กับมนุษย์มากถึงเพียงนี้ด้วยซ้ำ
"ดวงดาวมีทุกอย่างพร้อมสำหรับเราอยู่แล้ว
ทั้งถ่านหิน, น้ำมัน,
มาโค แล้วยังอาจมีอย่างอื่นที่เราไม่รู้จักอีก
ตราบใดที่เราไม่ใช้มันผิดๆเราก็จะไม่เป็นไรหรอก
ทั้งหมดนี้ก็เพราะดวงดาวห่วงใยพวกเรานะ ถึงยังไงไลฟ์สตรีมที่ไหลวนหล่อเลี้ยงดาวดวงนี้ก็คือพลังงานชีวิตของคนที่เคยอาศัยอยู่บนโลกนี้เช่นเดียวกับเรา"
ทางด้านการพัฒนาเครื่องยนต์ของซิดกลับไม่คืบหน้ามากเท่าที่ควร แบเร็ตรู้ดีว่าซิดคิดอะไรอยู่จึงพูดแทนซิดขอให้เชร่าไปช่วยงานทางด้านนั้นด้วย
ตัวซิดเองก็ยอมรับเชร่าแล้ว
ถึงจะเก่งไปซะทุกด้านแต่บางทีเขาก็จำเป็นต้องมีผู้หญิงเข้มแข็งมาช่วยประคองให้ก้าวเดินต่อไปด้วย
ในที่สุดพวกเขาก็สามารถพัฒนาเรือเหาะลำใหม่จนสำเร็จ
และซิดได้ตั้งชื่อเรือเหาะลำนี้ว่า
"เชร่า"
เพื่อเป็นเกียรติแก่ภรรยาของเขา...

Conceptual Design & Early
Materials
-
ในตัวบททีแรกนั้นตั้งใจให้ซิดเข้าเป็นพวกอวาลันช์หลังการยิงจรวดเพื่อทำลายเมเทโอ
ซิดจะถูกหลอกว่าเป็นการปล่อยจรวดไปดวงจันทร์ปกติแต่จริงๆชินระต้องการให้ซิดสละชีวิตพุ่งเข้าชนเมเทโอ
พวกคลาวด์เข้าไปช่วยซิดหนีออกมาด้วยยานสำรองทันเวลา แล้วซิดก็เข้าเป็นพวกคลาวด์
-
อาชีพของซิดที่ถูกกำหนดไว้ทีแรกคือ
Pilot (Dragoon) นามสกุล
Highwind เป็นนามสกุลเดียวกับ Kain
Highwind อัศวินมังกรใน FFIV
และเขาก็มีลิมิตเบรกที่กระโดดโจมตีด้วยหอกจากด้านบนแบบพวกอัศวินมังกรใน
FF ภาคก่อนๆด้วย
-
ซิดถูกกำหนดมาให้ปากเสียมาตั้งแต่แรก
เขาจะมีคำด่าเจ็บๆอยู่เสมอ เช่น
"ไอ้เวรชินระมันคิดว่าพวกเราเป็นอะไรวะ
ไอ้พวกหัวแข็งกลวงโบ๋อย่างนั้นต้องเอาหัวมันสัก 3
หัวยัดรูตรูดจะได้รู้สำนึกซะมั่ง!"
-
สำหรับเชร่าในตอนแรกนั้นถูกกำหนดให้อายุ 35 ปี
แต่เปลี่ยนเป็น 34 ปีในภายหลัง (ไม่ต่างกันเล้ย)
-
ซิดไม่สนใจเรื่องแฟชั่นอยู่แล้ว
การออกแบบเครื่องแต่งกายให้ซิดใน
Advent Children
จึงไม่มีอะไรมากนอกจากเสื้อยืดธรรมดา
(ดีที่ไม่ใส่ผ้าคาดพุงออกมาแบบใน Kingdom Hearts)
แต่เสื้อยืดธรรมดาๆนี่แหละ ทำ CG
ให้สมจริงยากกว่าที่ทีมงานคิด
-
ใน
Advent Children ซิดผูกริบบิ้นสีชมพูที่ต้นแขนซ้าย
Trivia
-
"ซิด"
เป็นชื่อที่ปรากฏในไฟนอลแฟนตาซีภาคหลักทุกภาคจนกลายเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของซีรี่ยส์ไปแล้ว
-
ชื่อเชร่า (ทั้งชื่อคนและเรือเหาะ) เขียนว่า
Shera
ในเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของทุกภาคใน
compilation แต่ในเกมภาคภาษาญี่ปุ่นเขียนว่าเซียร่า
(シエラ)
และใน concept art ของ Advent
Children
รวมทั้งกล่องโมเดลเรือเหาะลำนี้ก็ยังคงเขียนภาษาอังกฤษว่า
The Airship Sierra
-
ขณะเดินทางเข้ามิดการ์เพื่อสัมภาษณ์เป็นนักบิน ซิดเข้าโรงละครไปชม
LOVELESS
ครั้งหนึ่งแต่หลับกลางเรื่องจนคนข้างๆต้องปลุกเพราะหนวกหูเสียงกรน
-
ที่โกลด์ซอเซอร์หากมีซิดอยู่ในทีมเขาจะขอแข่งโชโคโบะหรือเล่นสกีบอร์ดเอง
ซึ่งความสามารถจะเหมือนกับคลาวด์ทุกประการ
-
แต่ตอนที่ซิด หรือทีฟานำทีมแทนคลาวด์ชั่วขณะ จะเข้าโกลด์ซอเซอร์หรือชั้นใต้ดินจูน่อนไม่ได้นะจ๊ะ
-
ลิมิตเบรก
Highwind ของซิด
มีจำนวนครั้งการโจมตีสูงที่สุดเท่ากับ Ungarmax
ของแบเร็ตคือ 18 ครั้ง
-
ซิดเพนท์รูปแม่สาวบันนี่เกิร์ลเป็นแม่ย่านางบนเรือไฮวินด์
หลังเปลี่ยนไปขับเชร่าเขาก็ยังคงเพนท์รูปเดิมกลางดาดฟ้าเรือ ซิดเรียกเธอว่า
"เทพธิดานำโชค"
-
ใน
10th
Anniversary Ultimania ได้แปล Tiny Bronco
ว่า "เจ้าวัวพยศตัวน้อย"
...ทั้งที่บรองโคแปลว่าม้าพยศ
-
ซิดเป็นสิงห์อมควันที่ต้องอัดบุหรี่หลังทำอะไรสักอย่างสำเร็จ
เช่นหลังชนะการต่อสู้ในภาคหลัก หรือหลังระเบิดเตาปฏิกรณ์สำเร็จใน
Dirge of Cerberus
-
ใน
Dirge of Cerberus
ลูกเรือคนหนึ่งจะเล่าว่าเรือเหาะเชร่านั้นตั้งชื่อตามภรรยาของกัปตัน
นั่นคือสุดท้ายแล้วซิดก็แต่งงานกับเชร่าจริงๆ
-
ใน
Dirge of Cerberus ลูกเรือเชร่าเปิดเผยว่าซิดไปพบเรือเหาะลำนี้ซึ่งไม่รู้ว่าใครเป็นผู้สร้าง
และพวกเขาก็ยังไม่รู้กลไกการทำงานของเครื่องยนต์ดีนัก
คาดกันว่ามันเป็นเรือเหาะมาจากอารยธรรมสาบสูญของเซทรา แต่จาก
On the Way to a Smile และคอมเมนต์ทีมงานใน
Reunion Files ระบุว่าซิดสร้างเชร่าขึ้นที่เมืองจรวด
อาจคิดได้ว่าซิดนำเรือเหาะโบราณมาปรับปรุงใหม่
....หรือไม่ก็แกล้งลืมบทส่งเดชของ Dirge of Cerberus
กันเถอะ
<กลับไปหน้าหลัก> |