 |
Cait Sith (Reeve Tuesti)
ケット・シー
(リーブ・トゥエスティ)
เพศ :
ไม่มี
วันเกิด : ไม่ทราบ
อายุ : ไม่มี
กรุ๊ปเลือด : ไม่มี
สถานที่เกิด : ไม่ทราบ
ส่วนสูง : 100 เซนติเมตร
อาวุธ : โทรโข่ง
|
ฝ่ายแผนพัฒนาเมืองของชินระ |
รีฟ ทูเอสติ เติบโตขึ้นในชนบทอันห่างไกล
เขาตั้งหน้าตั้งตาอ่านหนังสือศึกษาหาความรู้ตั้งแต่เด็ก
โดยหวังว่าเมื่อโตขึ้นเขาจะได้ทำงานสร้างสังคมที่ทุกคนอยู่อย่างมีความสุข
รูวี่แม่ของเขาพอใจกับชีวิตในชนบทอันสงบสุข
แต่ก็ไม่ได้ขัดขวางความตั้งใจของรีฟ จนกระทั่งรีฟสมัครเข้าทำงานที่บริษัทชินระได้สำเร็จ
ชินระเป็นบริษัทใหญ่และมีอำนาจจัดการบริหารสังคมเมืองใหญ่อย่างมิดการ์ด้วยสิทธิ์ขาด
ซึ่งก็นับเป็นโอกาสดีที่รีฟจะได้เข้ามาดูแลพัฒนาความเป็นอยู่ของชาวมิดการ์ให้ดีขึ้น
เขาไต่เต้าขึ้นถึงตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายแผนพัฒนาเมืองของชินระตั้งแต่ยังหนุ่ม
และมีบทบาทสำคัญในการสร้างเมืองมิดการ์จนยิ่งใหญ่ดังที่เห็นในปัจจุบัน
ครอบครัวของเขาย้ายมาอยู่บนเพลตชั้นบนของมิดการ์เขต 5
รูวี่พยายามอ่านหนังสือยากๆที่รีฟอ่านประจำเผื่อจะเข้าใจงานของลูกชายขึ้นมาบ้าง
แต่อ่านแล้วก็หลับสนิท แม้มิดการ์จะใหญ่โตและพลุกพล่านไปด้วยผู้คนแต่รูวี่คิดถึงพื้นดินเขียวขจีที่ชนบทมากกว่า
เธอจึงสะสมดินมาเทที่แปลงหลังบ้านโดยหวังว่าเมื่อรวบรวมดินมาได้มากพอเธอจะปลูกดอกไม้ให้เพลตแห่งนี้สวยงามเหมือนบ้านเกิดของพวกเขา
นอกจากความสามารถด้านผังเมืองแล้วรีฟยังมีตุ๊กตาสัตว์ชื่อว่าเคทซิท
ซึ่งควบคุมจากระยะไกลสำหรับใช้ในภารกิจตรวจสอบในพื้นที่เข้าถึงยาก
เคทซิทเป็นหุ่นรูปแมว สูงครึ่งหนึ่งของมนุษย์ปกติ
ไม่เก่งในการต่อสู้แต่อ้างว่าสามารถทำนายดวงได้
แม้จะควบคุมให้ทำตามคำสั่งรีฟได้ แต่เคทซิทจะมีทั้งท่าทาง บุคลิค
และลักษณะการพูดแตกต่างจากรีฟโดยสิ้นเชิง เคทซิทมีประโยคเอกลักษณ์ที่ใช้แนะนำตัวว่า
"ฉันหาของหาย, คนหาย, หรืออะไรก็ได้นะ"
แต่ทำนายอะไรออกมาไม่เคยตรง
รีฟเป็นเพื่อนเก่าของเวอร์ด็อทอดีตผู้ดูแลทีมเติร์กของชินระ
เขาเคยใช้เคทซิทช่วยเติร์กตามหามาทีเรียซัพพอร์ทเพื่อหยุดยั้งอสูรซิลโคเนียดของเอลเฟ่
ตอนที่เขารู้ว่าเติร์กต่างพากันหันหลังให้ชินระเพื่อช่วยเหลือเวอร์ด็อทนั้น
รีฟเข้าใจเหตุผลของพวกเติร์กดีและยังฝากเติร์กไปบอกเวอร์ด็อทว่าตนเองยังคงอยู่ข้างเขาเสมอ
ตอนนั้น รูฟัส ชินระ ลูกชายของประธานชินระรู้เรื่องเคทซิทจากเส็งและเกิดไอเดียที่จะใช้ประโยชน์เคทซิทในฐานะหุ่นสอดแนมขึ้นมา
หน้าที่สปายขัดต่อความตั้งใจของเขา
เพราะมันหมายถึงการหักหลังความไว้ใจที่มีต่อผู้คน บางครั้งรีฟไม่แน่ใจว่าสิ่งที่เขาทำเพื่อชินระนั้นถูกต้องหรือไม่
แต่เมื่อคิดถึงสิ่งที่ชินระได้สร้างให้กับชาวเมืองแล้วเขาเชื่อว่างานของเขาจะไม่สูญเปล่า
ความโหดเหี้ยมของชินระฉายแววออกมามากขึ้นเรื่อยๆ
ในตอนที่ประธานชินระสั่งถล่มเพลตมิดการ์เขต 7 ทิ้งเพื่อทำลายสลัมเขต 7
ซึ่งเป็นที่ซ่อนตัวของอวาลันช์ กลุ่มต่อต้านชินระนั้น รีฟคัดค้านอย่างเต็มที่ด้วยเห็นว่าเป็นการกระทำเกินกว่าเหตุของชินระและเขาไม่อาจทนดูเมืองที่เขาสร้างมากับมือต้องถูกทำลายทิ้งไปเพราะเรื่องแบบนี้
แต่เสียงของรีฟก็ไม่ดังพอจะเปลี่ยนใจประธาน
ทำให้ความรู้สึกที่เขามีต่อชินระแย่ลงทุกขณะ
หลังรูฟัสขึ้นดำรงตำแหน่งประธานของชินระต่อจากพ่อของเขา
รูฟัสได้สั่งให้รีฟส่งเคทซิทเข้าไปเป็นสปายในกลุ่มอวาลันช์
เขาต้องทำหน้าที่นี้อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ และได้ควบคุมให้เคทซิทไปพบพวกคลาวด์
สไตรฟ์ ที่โกลด์ซอเซอร์ เขาทำนายดวงให้คลาวด์และอ้างว่าคลาวด์มีชะตากรรมที่น่าสนใจ
ก่อนจะขอติดตามเข้ากลุ่มมา รีฟคอยส่งข้อมูลให้ชินระทำให้รู้การเคลื่อนไหวของอวาลันช์อยู่ตลอดเวลา
พวกเขามีเป้าหมายเดียวกันคือการตามล่าเซฟิรอธ จนกระทั่งอวาลันช์ได้คีย์สโตนสำหรับเปิดเข้าวิหารเผ่าโบราณที่ๆเซฟิรอธเดินทางไป
เคทซิทได้ฉวยโอกาสขโมยคีย์สโตนส่งให้เส็ง หัวหน้าเติร์กของชินระ
และเปิดเผยตัวว่าเขาเองที่เป็นสปายในกลุ่ม แต่เขาก็ยอมรับในตัวพวกคลาวด์
เพราะหลังจากติดตามอวาลันช์มานานก็รู้ว่าพวกเขาไม่ได้ต่อสู้เพื่อเงินหรือชื่อเสียงอย่างที่รีฟเคยเข้าใจ
"ถึงฉันจะเป็นคนของชินระ
แต่เราก็ไม่ได้เป็นศัตรูกับพวกเธอหรอก
ถึงการกระทำบางอย่างของพวกเธอจะทำให้เราลำบากแต่ฉันก็คิดว่ามันเป็นวิธีการของพวกเธอ
พวกเธอไม่ได้ทำเพื่อเงิน ไม่ได้รับคำสรรเสริญ
แต่ก็ยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อการเดินทางครั้งนี้.... นั่นทำให้ฉัน....
ทำให้ฉันคิดถึงชีวิตของตนเอง
ฉันคิดว่าคงไม่ดีถ้าจะทำลายเส้นทางของพวกเธอให้จบสิ้นลง"
แต่เคทซิทก็ยังไม่ยอมเฉลยว่าเขาคือพนักงานชินระคนไหน
และคลาวด์ไม่อยากให้คนทรยศเดินทางไปกับเขา รีฟจึงจับหนูน้อยมาร์ลีนที่อวาลันช์ฝากเลี้ยงไว้กับเอลไมร่าเป็นตัวประกัน
ทำให้พวกคลาวด์ไม่มีทางเลือกนอกจากจำต้องให้เคทซิทอยู่ในกลุ่มต่อไป
ทางด้านเส็งสามารถใช้คีย์สโตนเข้าไปถึงชั้นในสุดของวิหารเผ่าโบราณได้สำเร็จแต่ก็ถูกเซฟิรอธเล่นงานเข้า
เคราะห์ดีที่เคทซิทตามมาช่วยเขาไว้ทันและให้เติร์กคนอื่นช่วยกันพาตัวเส็งออกไป
ขณะที่เคทซิทยังมีหน้าที่สำคัญคอยอยู่...
แอริธ เกนสโบรู สาวน้อยเผ่าโบราณ หนึ่งในกลุ่มอวาลันช์
ได้พาคลาวด์เข้ามาในวิหารเผ่าโบราณและพบความจริงว่าเซฟิรอธต้องการเรียกเมเทโอลงมาถล่มดาวดวงนี้
และกุญแจในการเรียกเมเทโอคือแบล็คมาทีเรียซึ่งก็คือตัววิหารเผ่าโบราณแห่งนี้เอง
ชาวเผ่าโบราณตั้งเงื่อนไขไว้ว่าหากมีผู้ทำการแก้ปริศนาในวิหารได้
ตัววิหารจะเล็กลงเรื่อยๆจนกระทั่งอยู่ในขนาดที่พกพาได้
แต่คนแก้ปริศนาจะต้องตายอยู่ในวิหารด้วย และเซฟิรอธก็มีบริวารมากมายที่จะยอมตายเพื่อให้เซฟิรอธได้แบล็คมาทีเรียไป
เคทซิทจึงอาสาเป็นคนแก้ปริศนา
เขายินดีสละชีวิตตุ๊กตาตัวนี้เพื่อช่วยปกป้องดวงดาว

แอริธได้ขอให้เคทซิททำนายดวงเป็นครั้งสุดท้าย
เขาบอกกับแอริธว่าดวงของเธอเหมาะกับคลาวด์มาก
ดวงดาวของทั้งสองคนได้แสดงถึงอนาคตที่รุ่งโรจน์
หลังทำนายจบเขาก็บอกลาเพื่อนๆไปทำหน้าที่ไขปริศนา
"ของเล่นอย่างฉันมีอยู่มากมายก็จริง
แต่ตัวฉันมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น ถึงเคทซิทตัวใหม่มาก็อย่าลืมฉันนะ
ฉันขอไปปกป้องดวงดาวก่อนละ ...ลาก่อน..."
เคทซิทสละชีวิตไขปริศนาได้สำเร็จและวิหารทั้งหลังหดลงกลายเป็นแบล็คมาทีเรีย
แต่เซฟิรอธกลับควบคุมคลาวด์ให้ส่งแบล็คมาทีเรียให้เขา เคทซิทหมายเลข 2
ถูกส่งมาหาคลาวด์ในช่วงที่สถานการณ์ไม่สู้ดีนัก หลังเซฟิรอธนำแบล็คมาทีเรียออกไปแล้ว
คลาวด์ที่ถูกควบคุมได้บ้าคลั่งและเข้าเล่นงานแอริธ
พวกเพื่อนๆจึงต้องอัดคลาวด์ให้หลับไป
เคทซิทตัดสินใจเข้าเป็นพวกอวาลันช์เต็มตัวแต่เหตุการณ์กลับเลวร้ายลงทุกขณะ
แอริธถูกเซฟิรอธสังหารขณะหาวิธีการรับมือเมเทโอ เซฟิรอธเรียกเมเทโอมาได้สำเร็จ
เวพ่อนของดวงดาวออกอาละวาด คลาวด์หายสาบสูญ เพื่อนๆอวาลันช์ถูกชินระจับตัวมาที่จูน่อน
และเหลือเวลาอีกไม่กี่วันเมเทโอจะตกลงมา
เคทซิทช่วยพาพวกอวาลันช์ที่ถูกจับตัวหนีออกมาได้สำเร็จ
หลังจากนี้เขาได้เปลี่ยนหน้าที่จากสปายชินระเป็นสปายอวาลันช์คอยบอกข้อมูลความเคลื่อนไหวของชินระให้อวาลันช์รับรู้อยู่ตลอด
ทำให้อวาลันช์สามารถขัดขวางปฏิบัติการของชินระได้หลายครั้ง
แต่สิ่งสำคัญที่สุดตอนนี้ไม่ใช่การต่อสู้กันเอง
ทั้งชินระและอวาลันช์ต่างก็มีจุดประสงค์เดียวกัน คือกำจัดเซฟิรอธเพื่อหยุดยั้งเมเทโอ
เซฟิรอธได้หลับอยู่ที่เครเตอร์ตอนเหนือรอวันที่เมเทโอจะตกลงมา
โดยมีบาร์เรียร์ป้องกันทำให้ไม่มีใครเข้าไปจัดการเซฟิรอธได้
ชินระมีแผนการใช้ปืนใหญ่พลังมาโคที่พวกเขาให้ชื่อว่า
"ซิสเตอร์เรย์"
ยิงใส่บาร์เรียร์
เตาปฏิกรณ์ทั้งหมดในมิดการ์ปั่นพลังให้ปืนใหญ่ยิงทำลายบาร์เรียร์ได้สำเร็จ
แต่เวพ่อนก็โจมตีตึกชินระพังไปพร้อมๆกัน
หายนะของชินระทำให้เหล่าผู้คนในดวงดาวพากันสิ้นหวังไปด้วย
พวกเขาเคยหวังว่าชินระจะเป็นคนช่วยดวงดาวให้รอดพ้นหายนะ
แต่ปฏิบัติการต่างๆทั้งการส่งจรวดขึ้นไปทำลายเมเทโอและการขนอาวุธไปจัดการเซฟิรอธ
ล้วนจบลงด้วยความล้มเหลว
ทุกคนเชื่อว่ารูฟัส
ประธานหนุ่มของชินระได้เสียชีวิตจากการโจมตีของเวพ่อนแล้ว
เหล่าผู้บริหารและพนักงานที่เหลืออยู่ต่างแตกฮือ โฮโจหัวหน้าฝ่ายวิทยาศาสตร์ผู้บ้าคลั่งต้องการยิงซิสเตอร์เรย์อีกครั้งเพื่อส่งพลังให้เซฟิรอธ
การยิงครั้งนี้อาจทำให้เมืองมิดการ์พินาศเป็นหน้ากลอง ขณะเดียวกัน
หัวหน้าฝ่ายคนอื่นๆก็ขอเอาอาวุธออกกวาดล้างอวาลันช์เพื่อล้างแค้นตามใจตัวเองโดยไม่สนใจความเป็นไปของมิดการ์
รีฟจำต้องยอมบอกกับพวกคลาวด์ในที่สุดว่าเขาเองที่เป็นคนควบคุมเคทซิท
เขาพยายามห้ามพวกผู้บริหารจนตัวเองถูกทหารชินระจับกุมตัวไว้
ตอนนี้เขาไม่สามารถทำอะไรได้อีกต่อไปแล้ว
แม้จะไม่แน่ใจว่าตัวเขาได้รับการยอมรับให้เป็นพวกเดียวกับอวาลันช์แล้วหรือไม่
แต่รีฟก็อยากให้พวกคลาวด์กลับมาหยุดยั้งโฮโจ เพื่อช่วยเหลือมิดการ์ที่เขาสร้างขึ้นมากับมือ
"คลาวด์...
ทุกคน... ฉันขอโทษด้วยนะ แต่..."
คำขอร้องหมดหัวใจครั้งนี้ถ่ายทอดผ่านมายังปากของเคทซิทที่อยู่กับพวกคลาวด์
"...แต่
พวกนายจะมา ใช่ไหม?"

ครั้งนี้คลาวด์ตกลงให้ความช่วยเหลือแก่เขา
นอกจากเป็นการยอมรับรีฟเข้าเป็นพรรคพวกอย่างแท้จริงแล้ว
พวกเขาล้วนต้องการช่วยเหลือเมืองน่าชังที่พวกเขาต่างผูกพัน
อันมีชื่อว่า
"มิดการ์"
แห่งนี้
อวาลันช์บุกฝ่ากองทหารชินระมากมายมหาศาลไปจนถึงเมนเฟรมที่ควบคุมซิสเตอร์เรย์และกำจัดโฮโจปกป้องมิดการ์ไว้ได้
จากนี้ไปก็เหลือเพียงศึกสุดท้ายกับเซฟิรอธ ก่อนหน้าศึกสุดท้าย รีฟได้ร่วมกับเติร์กช่วยพาผู้คนในมิดการ์อพยพลงไปในสลัมใต้เพลต
แต่ผู้คนในเมืองนั้นต้องการให้รีฟใช้เคทซิทให้ความช่วยเหลืออวาลันช์ในศึกสุดท้ายมากกว่า
แม้ตัวจะอยู่ที่มิดการ์แต่รีฟก็ได้ควบคุมเคทซิทเข้าร่วมศึกสุดท้ายกับเซฟิรอธ
และในที่สุดอวาลันช์ก็สามารถเอาชนะเซฟิรอธได้สำเร็จ
ทางด้านรูวี่แม่ของรีฟได้รับเดนเซลเด็กที่สูญเสียพ่อแม่ในเหตุการณ์ถล่มเขต7มาดูแล
ในวันที่เมเทโอตกลงมานั้น เธอได้ปกป้องเดนเซลจากไลฟ์สตรีมที่พุ่งขึ้นมาจนตัวเองต้องจบชีวิตลง
รีฟทราบเรื่องนี้หลังเหตุการณ์สงบแล้วมีรายชื่อแม่ของเขาเป็นหนึ่งในผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์นั้น
เขาเสียใจมากแต่ก็ต้องดำเนินชีวิตต่อไป
และเขาคิดว่าตัวเขาเองต้องคอยเป็นกำลังใจให้ทุกคนผ่านช่วงเวลาที่เลวร้ายแบบนี้ไปให้ได้
มิดการ์เสียหายอย่างหนักจากการโจมตีของเมเทโอและไลฟ์สตรีมที่พุ่งขึ้นมา
แม้สงครามจะสิ้นสุดลงไปแล้ว แต่รีฟยังไม่สามารถหยุดพักได้
เขาได้รวบรวมผู้คนตั้งเป็นกองกำลังฟื้นฟูโลก
(World
Regenesis Organization WRO)
มีหน้าที่บูรณะบ้านเรือน จัดการดูแลความเป็นอยู่
ช่วยเหลือผู้ประสบภัยและชาวเมือง
รวมทั้งตั้งกองกำลังทหารช่วยปกป้องชาวเมืองจากมอนสเตอร์หรือศัตรูอื่นๆด้วย
นี่เป็นงานช่วยเหลือผู้คนอย่างแท้จริงดังที่เขาตั้งใจไว้ตั้งแต่เด็ก
WRO
มีเงินสนับสนุนจากบุคคลลึกลับผู้หนึ่ง ซึ่งตัวรีฟเองก็ไม่รู้ว่าเป็นใคร
แต่คนๆนั้นบอกกับเขาว่า
เขาต้องการตอบแทนดวงดาวที่มอบอะไรให้เขามากเหลือเกิน
WRO
มีบทบาทสำคัญในการสร้างเมืองเอดจ์ขึ้นทางตะวันออกของมิดการ์
สำหรับให้ผู้คนอยู่อาศัยทดแทนเมืองเก่าที่พังพินาศไป รีฟได้กำลังคนจากอดีตทหารของจูน่อนรวมทั้งอาสาสมัครที่พวกทหารได้ช่วยรวบรวมมามากมาย
จนในที่สุดเอดจ์ก็เริ่มดูเป็นรูปเป็นร่าง ครอบครัวของคลาวด์เองก็เข้ามาปักหลักเริ่มต้นชีวิตใหม่ในเมืองนี้ด้วย
หลังฟื้นฟูบ้านเมืองได้สักระยะหนึ่งก็มีกลุ่ม
DG SOLDIERs (ดีพกราวด์โซลเยอร์)
ซึ่งเป็นกองกำลังลับของชินระที่หลงเหลืออยู่
เข้ามาทำลายความสงบโดยมีเป้าหมายอยู่ที่วินเซนต์ วาเลนไทน์ ผู้ครอบครองโปรโตมาทีเรีย
รวมทั้งกวาดต้อนผู้คนไปยังมิดการ์ รีฟได้นำกองทัพ WRO
สมทบกับวินเซนต์เข้าต่อสู้กับ DG SOLDIERs
โดยเขาได้มีบทบาททั้งการใช้เคทซิทเข้าไปสืบข่าวในที่ต่างๆ
รวมทั้งรวบรวมกองกำลังต่อสู้ต้านทานพวกดีพกราวด์
ในศึกนี้สมาชิกที่เคยร่วมทีมอวาลันช์เก่าอย่างยุฟฟี่, ซิด และแบเร็ต
ที่เป็นสมาชิกของ WRO
รวมทั้งคลาวด์และทีฟาก็เข้ามาช่วยกันบุกเข้าเมืองมิดการ์ที่เป็นที่กบดานของพวกดีพกราวด์ด้วย
สุดท้ายพวกเขาก็เป็นฝ่ายได้รับชัยชนะอีกครั้ง
รีฟยังคงคอยดูแลผู้คนในโลกยุคที่ไม่มีพลังงานมาโคใช้อีกต่อไป
เขาได้พบกับเดนเซลเด็กที่รูวี่เคยแลกชีวิตเข้าปกป้องไว้ในเหตุการณ์ไลฟ์สตรีมปะทุใส่มิดการ์ตอนนั้น
เดนเซลอยากสมัครเข้ากองกำลัง
WRO
เพราะต้องการช่วยหลือผู้คนเหมือนกับที่เขาได้รับความช่วยเหลือจากคนอื่นๆมาตลอด
เขาได้เล่าชีวิตที่ผ่านมาให้รีฟฟัง ซึ่งรีฟก็เข้าใจดีว่าสิ่งที่แต่ละคนจะทำเพื่อคนอื่นได้มากที่สุดนั้นคืออะไร
เขาไม่รับเดนเซลเข้ากองกำลัง
และบอกว่าเด็กๆอย่างเดนเซลก็มีหน้าที่สำคัญที่มีแต่พวกเด็กๆเท่านั้นที่ทำได้
"อยู่เป็นแรงใจให้พวกเราไงล่ะ"

รีฟกล่าวขอบคุณเดนเซลที่ช่วยดูแลแม่ของเขาจนวาระสุดท้ายแล้วเดินจากไป
นี่ไม่ใช่ยุคสมัยของการถืออาวุธเข้าห้ำหั่นกันอีกต่อไปแล้ว
คนที่สามารถมอบรอยยิ้มให้แก่ผู้อื่นได้ต่างหากที่สมควรได้รับการยกย่อง
แรงใจนั้นช่วยให้รีฟยืนหยัดต่อสู้ต่อไป
แม้มือของเขาจะต้องแปดเปื้อนซ้ำแล้วซ้ำอีก...

Conceptual Design & Early
Materials
-
อาชีพของเคทซิทที่ถูกกำหนดในทีแรกคือ
Toysaurus (Beastmaster)
กำหนดอายุ 9 ขวบ และมีไพ่+แส้เป็นอาวุธ
(ภายหลังให้อาวุธเป็นโทรโข่งและไม่ระบุอายุ)
-
ในตัวบททีแรกจะมีตอนที่พวกอวาลันช์ต้องปิดเตาปฏิกรณ์ทั้งหมดไม่ให้ส่งพลังไปหาเซฟิรอธ
และรีฟจะเป็นคนลงมือทำโดยยอมแลกกับตำแหน่งในชินระของเขา
ในเกมได้เปลี่ยนเป็นการหยุดซิสเตอร์เรย์แทน
-
ในตอนแรกได้กำหนดให้รีฟมีความสามารถ
Inspire
ซึ่งสามารถแบ่งชีวิตของตนเองลงในสิ่งไม่มีชีวิตและควบคุมด้วยจิตจากระยะไกลได้
และเขาก็ใช้ความสามารถ Inspire
นี้ปิดเตาปฏิกรณ์ทั้งหมดตามพล็อตในตอนแรกด้วย
-
ในภาค
Advent Children เคทซิทเปลี่ยนจากขี่มูเกิ้ลยักษ์มาขี่หลังนานากิแทน
ซึ่งเป็นไอเดียที่คุณโนมุระคิดไว้ตั้งแต่ตอนทำ Parasite Eve
แล้วว่าเขาจะสร้างตัวละครที่เป็นแมวขี่หลังหมา
-
ใน
Advent Children เคทซิทจะผูกริบบิ้นสีชมพูที่แขนซ้าย
Trivia
-
ชื่อ
Cait
Sith หรือ Cat Sith
เป็นชื่อของภูติตามตำนานสก๊อตรูปร่างเหมือนแมวดำตัวใหญ่มีจุดสีขาวบนหน้าอก
-
รีฟจะพูดด้วยภาษาสุภาพ ส่วนเคทซิทจะพูดออกสำเนียงคันไซ
เช่นเดียวกับสำเนียงของรูวี่แม่ของรีฟ แต่บางทีเคทซิทก็หลุดสำเนียงรีฟมาเหมือนกันนะ
และหลายครั้งถึงเคทซิทจะพูดสำเนียงตลก แต่ตัวตนของรีฟที่เป็นคนจริงจังมีเหตุผลก็หลุดออกมาอยู่เรื่อยละ
-
ใน
FFVII ขณะรวบรวมไอเท็มแต่งหญิง หากเข้าไปในคฤหาสน์ฮันนี่บี
ห้อง "Lovers Room"
จะแอบฟังครอบครัวรีฟที่เข้ามาพักอยู่คุยกันได้
วันนี้ปู่กับย่ามาเยี่ยมรีฟและเขาจองห้องที่หรูเกินไปให้จนทั้งสองคนรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ
-
โดมิโน่เป็นผู้ว่าของมิดการ์
แต่ก็เป็นแค่ในนามเนื่องจากการจัดการดูแลมิดการ์ทั้งหมดอยู่ในการควบคุมของชินระ
โดมิโน่ก็ได้แต่นั่งบนตึกชินระชั้น 62 เล่นเกมปัญญาอ่อนไปวันๆ
เขาเองก็ไม่พอใจชินระเลยส่งคีย์การ์ดให้พวกคลาวด์ขึ้นไปชั้นบนได้
(หากเล่นเกมตอบปัญหาถูกตั้งแต่ครั้งแรกเขาจะให้มาทีเรีย
Elemental มาด้วย) บางทีรีฟก็อ้างชื่อผู้ว่ากดดันประธานชินระเหมือนกัน
"ท่านผู้ว่าก็ไม่เห็นด้วยนะครับ!"
แต่ประธานชินระไม่สนใจ
(ก็แหงล่ะ)
-
ตอนที่เข้ามาช่วยเส็งที่วิหารเผ่าโบราณ รีฟควบคุมเคทซิทหมายเลข
1 และ 2 พร้อมๆกันทำให้เคทซิทเดี๋ยวขยับเดี๋ยวหยุดเหมือนถ่านจะหมด
-
รีฟเป็นคนบอกกับเอลไมร่าเรื่องการเสียชีวิตของแอริธ
ทั้งมาร์ลีนและเอลไมร่าร้องไห้เสียใจมาก
-
ใน
Before Crisis เคทซิทจะถูกมอนสเตอร์ทึ้งกระจายไปครั้งหนึ่ง
และเราต้องรวบรวมชิ้นส่วน (หัว-ลำตัว-มงกุฎ) ประกอบเขาขึ้นมาใหม่
เติร์กจะต้องช่วยรวบรวมชิ้นส่วนประกอบมันขึ้นมาใหม่ แถมรีฟเกิดติดประชุมด่วนขึ้นมา
เลยปล่อยให้เติร์กควบคุมเคทซิทเองอีก และตอนนี้เองที่รีฟเกิดไอเดียเอาหุ่นมูเกิ้ลยักษ์ที่มีพลังต่อสู้มาจับคู่เพื่อปิดจุดอ่อนเคทซิท
-
ใน
Dirge of Cerberus ตอนลอบเข้าเตาปฏิกรณ์ เคทซิทยังถูกฆ่าตายอีกหลายครั้ง
จนกระทั่งตอนวินเซนต์ขึ้นเรือเหาะ เคทซิทจะออกมาแนะนำตัวว่าเขาคือเคทซิทหมายเลข
....!!
(ก่อนหน้านี้ตายไปกี่ตัวก็นับเป็นหมายเลข =
จำนวนเคทซิทที่ตาย +1 นับตัวที่โดนเนโรฆ่าด้วยนะ)
ทำไมตุ๊กตาใช้แล้วทิ้งแบบนี้ตอนที่จะโดนวิหารขยี้มันต้องดราม่านักนะ?
-
ในภาค
Crisis Core
ฝ่ายแผนพัฒนาเมือง ต้องการพัฒนาความเป็นอยู่ในสลัม จึงขอร้องให้โซลเยอร์ช่วยกำจัดมอนสเตอร์ในสลัมเพื่อเคลียร์พื้นที่
และรวบรวมไอเท็มจากที่ต่างๆด้วย
-
ในบรรดาตัวละคร
FFVII ทั้งหมด มีเพียงเคทซิทและวินเซนต์ที่เป็นสองตัวละครที่สามารถควบคุมได้มากกว่าหนึ่งภาค
คือ FFVII และ Dirge of Cerberus
<กลับไปหน้าหลัก> |